1.กำเนิดเทคโนโลยีและการสื่อสาร
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่กันเป็นหมู่หน่วยเล็กที่สุดของสังคม
คือ ครอบครัวขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ
จนในที่สุดเป็นเมืองและเป็นประเทศการติดต่อในยุคแรกๆเป็นการบอกกันปากต่อปากต่อมามีการสื่อสารกันด้วยตัวอักษรที่จารึกบนวัสดุต่างๆซึ่งกลายมาเป็นการส่งจดหมายถึงกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรียกว่าคลื่นวิทยุกระจายไปในอากาศมีการสื่อสารกันด้วยวิธีการหลากหลายและมีความรวดเร็วมากขึ้นทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีโทรคมนาคมอาศัยหลักวิชาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เปลี่ยนคำพูดข้อความหรือภาพเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปตามสายเปลี่ยนเป็นคลื่นแม่เหล็กเพราะอัตราความเร็วของการเดินทางของสัญญาณไฟฟ้าตามสายหรือของคลื่นวิทยุนั้นอยู่ในระดับเดียวกับความเร็วของแสงเช่นเหตุร้ายจากการก่อวินาศกรรมเครื่องบินโดยสารที่ถูกจี้บังคับมาชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่นครนิวยอร์ค
เมื่อวันที่ 11กันยายน 2544คนทั้งโลกได้เห็นเหตุการณ์สดๆผ่านเครือข่ายข่าวโทรทัศน์ของซีเอ็นเอ็นเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พึ่งมีขึ้นในช่วงเวลาประมาณ20ปีที่ผ่านมานี่เองเป็นเทคโนโลยีที่เกิดจากการรวมเทคโนโลยี2ประเภทเข้าด้วยกันคือ เทคโนโลยีโทรคมนาคมกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คำว่าสารสนเทศ หมายถึง
ตัวเนื้อหาสาระของข้อมูลข่าวสาร โดยใช้คอมพิวเตอร์ทำหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ
ปรับเปลี่ยนรูปแบบของสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาจัดการเกี่ยวกับสารสนเทศนั้นเอง
ปัจจุบันนี้มีการใช้คำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า(Information and Communication
Technology : ICT )กันอย่างแพร่หลาย
อีกด้านหนึ่งคือเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การสื่อสารไร้สายก็กำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันทำให้เกิดการใช้งานในรูปแบบใหม่ๆมากขึ้นไม่ต้องอาศัยระบบคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างเช่นการทำธุรกรรมต่างๆผ่านหนังสือ ได้แก่ m-Shopping
(การซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ) m-Banking
(การสั่งจ่ายเงินหรือโอนเงินจากธนาคารผ่าน-โทรศัพท์มือถือ)m-Commerce (ธุรกิจผ่านมือถือ)เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตไม่ไกลนัก
เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารมีแนวโน้มจะรวมเข้าด้วยกัน
ดังจะเห็นได้จากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆที่สามารถรับส่งอีเมล์ได้
คอมพิวเตอร์พกพาบางรุ่นก็สามารถใช้เป็นโทรศัพท์มือถือได้ด้วย วิธีการผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองด้านนี้
เรียกว่า คอนเวอร์เจนซ์ (Convergence)
2.ประวัติโดยย่อของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศเกิดการจากการรวมกันของเทคโนโลยี
2 ด้าน
คือเทคโนโลยีโทรคมนาคมกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี
โทรคมนาคม เทคโนโลยีโทรคมนาคม เริ่มจากการประดิษฐ์โทรเลขของ
แซมวล มอร์ส(Samual Morse) ในปี พ.ศ. 2380 นับว่าเป็นครั้งแรกที่ข่าวสารถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปตามสายเป็นระยะทางไกลๆได้
โดยอาศัยวิธีการเข้ารหัสตัวอักษร เป็นรหัสอื่นที่ประกอบด้วยจุด (.) และขีด (-)
เช่น สัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS จะเข้ารหัสเป็น…
– - – … การรับส่งโทรเลขได้ถูกนำมาใช้งานในเชิงการค้าตั้งแต่ พ.ศ. 2387
เป็นต้นมาและในปี พ.ศ. 2401 ได้มีการวางสายเคเบิลใต้มหาสมุทรแอตแลนติก
ทำให้เกิดการสื่อสารข้ามทวีประหว่างทวีปอเมริกากับทวีปยุโรปขึ้นเป็นครั้งแรก
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่อง
มือในการคำนวณซึ่งมีวิวัฒนาการนานมาแล้ว
เริ่มจากเครื่องมือในการคำนวณเครื่องแรกคือ “ลูกคิด” (Abacus) ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแล้ว
ลักษณะของระบบปัญญาประดิษฐ์
ระบบปัญญาประดิษฐ์มี 4 ลักษณะ ได้แก่
1.ระบบหุ่นยนต์หรือแขนกล
(Robotics or Robot arm System)
คือหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่ควบคุมด้วยการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
มีจุดประสงค์เพื่อให้ทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ต้องการความเร็ว หรือเสี่ยงอันตราย
เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์กู้ระเบิด เป็นต้น
2.ระบบประมวลภาษา
(Natural Language Processing System)คือ
การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ(Synthesize)เพื่อสื่อความหมายกับมนุษย์เช่น เครื่องคิดเลขพูดได้(Talking Calculator)หรือนาฬิกาปลุกพูดได้(Talking Clock)เป็นต้น
3.ระบบการรู้เสียงจำพูด
(Speech Recognition System)
คือการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่องกล่าวคือเป็นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยภาษาพูด
เช่น งานระบบรักษาความปลอดภัย งานพิมพ์เอกสารสำหรับผู้พิการ เป็นต้น
4.ระบบผู้เชี่ยวชาญ
(Expert System) คือการพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้
รู้จักใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ปัญญา
โดยใช้ความรู้ที่มีหรือประสบการณ์ในการแก้ปัญหาหนึ่ง
ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูล (Database)
ซึ่งมนุษย์ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกล่าว
ในปี พ.ศ.2390 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ
จอร์ช บูล (George Boole) ได้เผยแพร่คณิตศาสตร์
แนวใหม่ที่เรียกว่า พีชคณิตแบบบูลีน (Boolean algebra)
ซึ่งต่อมากลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการออกแบบ วงจรตรรกะ (Logic
Circuit) ซึ่งวงจรตรรกะนี้เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
3.ความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบคำ 2 คำ ได้แก่
เทคโนโลยี และ สารสนเทศ ซึ่งแต่ละคำมีความหมายดังนี้เทคโนโลยี(Technology)เป็นคำที่มาจากรากศัพท์ภาษาละตินว่า TEXERE มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า
to wave
คาร์เตอร์ วีกู๊ด (Good, 1973) ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีว่า
หมายถึง
การนำเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในวงการต่างๆโดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
เอดการ์ เดล (Dale, 1965) กล่าวว่าเทคโนโลยีไม่ใช้เครื่องมือแต่เป็นแผนการ
วิธีการทำงานอย่างเป็นระบบที่ให้ผลบรรลุตามแผนการ
ไฮนิช และคนอื่นๆ(Heinech and Others, 1989) ได้อธิบายว่าเทคโนโลยีจำแนกออกเป็น 3 ลักษณะคือ
1.เทคโนโลยีในลักษณะของกระบวนการ (Process)
2.เทคโนโลยีลักษณะของผลผลิต (Product and Product)
3.เทคโนโลยีลักษณะผสมของกระบวนการและผลผลิต (Process and Product)
สารสนเทศหมายถึงข่าวสารที่ได้จากการนำข้อมูลดิบ(Raw Data) มาคำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึงข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
เทคโนโลยีหมายถึงวิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม
4.
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ในสังคมปัจจุบันไม่ว่าใครจะอยู่ที่ใด แม้ในเมืองหรือชนบทก็ตาม ย่อมมีการติดต่อสื่อสารกับบุคคลหรือสังคมอื่นอยู่
เสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นหรือการรับรู้
ข้อมูลข่าวสารในชีวิตประจำวันด้วยสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร
ล้วนเป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งสิ้นนอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีเครื่องมือหรือกลไกเพื่ออำนวยความสะดวก เช่น
การถอนเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ
( ATM:Automatically/Technology
Machine) การสแกนลายนิ้วมือการเข้าปฏิบัติงานในสำนักงาน
การจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าผ่านบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นต้น
5.กระแสโลกาภิวัตน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระแสโลกาภิวัตน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปัจจุบันช่วยให้ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับยุคก่อนการเดินทางและติดต่อสื่อสารระหว่างกันสามารถทำได้ง่ายขึ้นมีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานในทุกสาขาอาชีพเช่น การสื่อสาร การธนาคาร การบิน
วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การแพทย์ การศึกษาหรือการเรียนการสอนซึ่งส่งผลให้วิทยาการต่างๆเจริญก้าวหน้าและทันสมัยอย่างรวดเร็วการติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆของโลกได้ทันเหตุการณ์
สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลในเวลาเดียวกันได้ทั้งที่อยู่ห่างไกลกันคนละสถานที่
เช่น การถ่ายทอดสด การเสนอข่าวเหตุการณ์สำคัญ รายการแข่งขันกีฬาการถ่ายทอดสัญญาณผ่านระบบดาวเทียมจากประเทศต่างๆการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พิมพ์รายงาน สร้างภาพกราฟิก เก็บข้อมูล สืบค้นข้อมูล
ฟังเพลง รวมถึงการประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนจึงนับได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตการศึกษาและการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยให้สามารถใช้งาน
คอมพิวเตอร์ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในทุกๆด้านช่วยส่งเสริมทักษะและสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินไปพร้อม
ๆ กัน
6.บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อสังคม
ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มีบทบาทที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคม
ในหลายด้าน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
ü
ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการสื่อสารที่รวดเร็วและกว้างไกล
ü
ช่วยทำให้วิทยาการต่าง ๆ เจริญก้าวหน้าและทันสมัยอย่างรวดเร็ว
ü
การรับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของโลกเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
üสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลข่าวสารจำนวนมากซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ในการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิต
ü
สนับสนุนการทำงานและกระบวนการผลิตเช่น การใช้คอมพิวเตอร์ในการวางแผนการออกแบบและการควบคุมระบบการทำงาน
ü
ส่งเสริมระบบบริหารจัดการในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหน่วยงานหรือองค์กร
ü
กระจายโอกาสด้านการศึกษาให้ผู้เรียนที่อยู่ห่างไกลสามารถเรียนรู้ผ่านระบบการสอนทางไกลหรือผ่านดาวเทียมได้
ü
สามารถเผยแพร่สารสนเทศและภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สังคมโลกได้โดยง่าย เช่น การเผยแพร่งานในอินเตอร์เน็ตตำบล เป็นต้น
ü
ช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น